ไม่ต้องขายไม่ต้องเข้าอบรม 100%

แค่สมัครก็ได้ 100$ แล้วครับ

หารายได้จากการ upload

Tuesday, October 28, 2008

กลยุทธ์การทำโฆษณา

สวัสดีครับทุกท่าน
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับการทำโฆษณา Amazon หวังว่าตอนนี้ทุกโฆษณาของคุณ กำลังดำเนินไปอย่างราบรื่นนะครับ
ซึ่งที่ผ่านมา คุณ ได้รับรู้เทคนิคการทำโฆษณาให้ประสบความสำเร็จในแต่ละขั้นตอนไปเรียบร้อยแล้ว
วันนี้ผมขอมาพูดถึงกลยุทธ์การทำโฆษณา ที่สำคัญอีก 2 อย่างให้คุณ ได้รับทราบและลองนำไปใช้ดูนะครับ
1. Seasonal Advertising Strategy
คือ กลยุทธ์การทำโฆษณาในช่วงเทศกาลนั่นเองครับ ซึ่งเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่จะทำให้คุณสร้างรายได้กลับมาจาก Amazon ได้ในจำนวนมากครับ
เพราะสินค้าใน Amazon นั้น เป็นสินค้าประเภท Consumer Products ที่คนทั่วไปมีความต้องการหาซื้อและนำไปใช้ สินค้าแต่ละอย่างก็มีการทำโปรโมชั่นกันทั้งโลก online และ offline เช่น พวกกล้องดิจิตอล โทรทัศน์ มือถือ ต่างๆ ทำให้คนเกิดความต้องการซื้ออยู่เสมอ
โดยเฉพาะในช่วงที่คนจำเป็นต้องซื้อสินค้า หรือ ในช่วงที่มีการลดราคาสินค้ากันเยอะๆ นั้น จะทำให้คนซื้อสินค้ามากเป็นพิเศษครับ ซึ่งถ้าหากเราทำโฆษณาในช่วงเวลาเหล่านั้น เงินทองก็จะไหลมาเทมาที่เราเลยครับ
ช่วงเวลาที่คนจำเป็นต้องซื้อสินค้า เช่น ช่วงเปิดภาคเรียน ช่วงวันวาเลนไทน์ ช่วงวันปีใหม่
ช่วงเวลาที่มีการลดราคาสินค้าเยอะ เช่น ช่วงวันขอบคุณพระเจ้า จนถึงวันคริสต์มาส หรือ ยิ่งถ้าหากเราสามารถจับกระแสได้ว่า สินค้าอะไรที่กำลังจะกลายเป็นสินค้าขายดี และเริ่มทำโฆษณาก่อนคนอื่นๆ โอกาสในการทำเงินของเราก็สูงเช่นกันครับ

สินค้าที่ขายดีมากในช่วงปี 2006 คือ iPod
สินค้าที่ขายดีมากในช่วงปี 2007 คือ Nintendo Wii
2. Mass Product Selling Strategy
กลยุทธ์การทำโฆษณาแบบนี้ เหมาะสำหรับคนที่มีเงินทุนพอสมควรครับ เพราะเราจะต้องทำโฆษณาสินค้าจำนวนมาก เพื่อให้คนซื้อสินค้าเยอะๆ แม้ว่ากำไรที่ได้ต่อชิ้นอาจจะต่ำ แต่เมื่อรวมกันแล้ว จะกลายเป็นจำนวนเงินที่สูงครับ
และสิ่งที่จะทำให้เราทำเงินได้มากขึ้นก็คือ การที่ Amazon มีการจ่ายค่าคอมมิสชั่นแบบ Performance ครับ กล่าวคือ ถ้าหากเราขายสินค้าได้มากขึ้น ค่าคอมมิสชั่นที่เราได้รับก็จะมากขึ้นด้วยครับ ตั้งแต่ 4% จนถึง 8.5%
เป้าหมายโดยทั่วไปของการทำ Mass Product Selling Strategy คือ การขายสินค้าให้ได้อย่างน้อย 631 ชิ้น เพื่อให้เราได้รับค่าคอมมิสชั่นอย่างน้อย 8% นั่นเองครับ
การทำโฆษณาด้วยกลยุทธ์ Mass Product Selling นี้ จะเป็นการสร้างความมั่นคงในการทำธุรกิจระยะยาวให้กับโฆษณาของเราครับ ดังนั้นพอถึงจุดหนึ่งที่เราเริ่มทำกำไรได้แล้ว เราควรจะเริ่มลองทำ Mass Product Selling นี้ ควบคู่ไปด้วยครับ
เพราะว่า การที่เราได้รับค่าคอมมิสชั่นอย่างน้อย 8% เท่ากับว่า เรามีรายได้และกำไรมากกว่า คนอีกหลายหมื่นคนที่อาจจะเข้ามาทำโฆษณาสินค้าเดียวกับเรา ดังนั้นเราจึงมีศักยภาพในการแข่งขันและมีงบการโฆษณาที่สูงกว่า ทำให้ในระยะยาวแล้ว ไม่มีใครที่จะสามารถเข้ามาแย่งทำโฆษณากับเราได้เลยครับ
---
เป็นอย่างไรบ้างครับกับ 2 กลยุทธ์ที่ผมนำมาฝากกันในวันนี้ ผมหวังว่าเมื่อคุณ เริ่มลองทำโฆษณา Amazon ไปสักระยะและเริ่มทำกำไรได้แล้ว ก็อย่าลืมนำทั้ง 2 กลยุทธ์นี้ไปใช้เพื่อเพิ่มกำไรให้กับคุณ อีกนะครับ
และหวังว่าเราคงจะมีโอกาสได้เจอกันในวันข้างหน้านะครับ จนกว่าจะถึงวันนั้น ผมขอให้คุณ ประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่ใจปรารถนาครับ
แล้วพบกันใหม่ครับ

Monday, October 27, 2008

การวัดผลโฆษณาของ Amazon

สวัสดีครับคุณ
เข้าสู่บทเรียนที่ 4 กันแล้วนะครับ กับ
http://amazon-work.blogspot.com/
จากเนื้อหาทั้ง 3 บท ที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าคุณ คงจะได้ลองนำเทคนิคต่างๆ ไปลองปรับปรุงโฆษณาดูแล้วนะครับ ดังนั้นในวันนี้ ผมก็ขอมาพูดถึงเรื่องที่ผมมักจะเน้นย้ำกับทุกคนที่ทำธุรกิจมากว่า ต้องทำ
นั่นก็คือ เรื่องของการวัดผลโฆษณาครับ
เพราะแน่นอนว่า ต่อให้เรามีเทคนิคในการค้นหาสินค้า คิดหาคีย์เวิร์ด และเขียนโฆษณามากแค่ไหน แต่นั่นก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่อาจจะทำกำไรให้กับเราได้เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าเราจะได้กำไรมากน้อยแค่ไหน จนกว่าเราจะทำโฆษณาครับ
ซึ่งการทดสอบโฆษณาหลังจากที่เราเริ่มทำโฆษณาไปแล้ว เพื่อดูว่าโฆษณาชิ้นไหนทำเงินให้กับเรานั้น สามารถทำการทดสอบได้ง่าย 3 แบบดังนี้ครับ
1. Commission Break Point
ให้เราวัดผลง่ายๆ เลยว่า ค่าคอมมิสชั่นที่เราจะได้จากการขายสินค้าชิ้นนี้เป็นเท่าไหร่ ถ้าหากเราทำโฆษณาไปแล้วในจำนวนเงินเท่ากัน แล้วยังขายสินค้าไม่ได้เลยสักชิ้น ให้รีบหยุดทำโฆษณาไปเลย เพราะแสดงให้เห็นแล้วว่า โฆษณาต่อไปก็ไม่กำไร
2. Click Break Point
ให้เราตั้งค่าคลิกไว้เป็นมาตรฐานของเราไว้เลยว่า ถ้าหากมีคนคลิกโฆษณาของเราเท่านี้แล้ว ยังขายสินค้าไม่ได้เลย หรือขายได้แล้ว แต่ขาดทุน ก็ให้เราเลิกทำโฆษณาครับ ซึ่งโดยทั่วไปค่ามาตรฐานที่ตั้งกันก็จะอยู่ที่ประมาณ 350 คลิก หรือ 500 คลิก ครับ
3. Time Frame Break Point
ให้เรากำหนดระยะเวลาในการทำโฆษณาเอาไว้เลยว่า ต้องการทำโฆษณากี่วัน กี่สัปดาห์ แล้วพอครบกำหนดเวลา ก็ให้มาดูกันเลยว่า โฆษณาสินค้าของเราทำกำไรได้หรือไม่ ถ้าหากทำไม่ได้ก็ให้หยุดทำโฆษณาทันทีครับ
ซึ่งทั้ง 3 วิธีนี้ เราสามารถประยุกต์ใช้ได้ทุกวิธีครับ แล้วแต่สถานการณ์ของแต่ละคน แต่ถ้าหากให้ผมแนะนำแล้วล่ะก็ วิธีที่ดีที่สุดในตอนเริ่มต้นที่เงินทุนเรายังมีไม่มาก เราควรจะใช้วิธีที่ 1 ในการวัดผลครับ เพราะจะทำให้เรามีโอกาสขาดทุนน้อยที่สุดครับ
นอกจากนี้ เมื่อเราเจอสินค้าและโฆษณาที่ทำกำไรให้กับเราได้แล้ว อย่าลืมทำการค้นหาต่อไปว่า Keywords ไหนบ้าง ที่ทำเงินให้กับเรามากที่สุด และโฆษณาในช่วงเวลาไหนบ้างที่ทำเงินให้กับเรามากที่สุด
ซึ่งการวัดว่า Keywords ตัวไหนที่ทำเงินให้เราได้นั้น ให้เราทำการสร้าง Tracking ID ใน Amazon ขึ้นมาใหม่ที่แตกต่างกัน แล้วนำไปทำโฆษณาใน Keywords แต่ละตัว เพียงเท่านี้เราก็จะทราบได้แล้วครับว่า Keywords ตัวไหนที่ทำเงินเข้ากระเป๋าคุณ และ Keywords ตัวไหนที่ดูดเงินออกจากกระเป๋าคุณ
และสุดท้าย


อย่าลืมหมั่นดู Report ของทั้ง Amazon และ PPC อย่างสม่ำเสมอครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นธุรกิจไหน ข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ยิ่งเรารู้ข้อมูลเยอะ เรายิ่งได้เปรียบคู่แข่งคนอื่นๆ อีกเยอะครับ


อย่าลืมวัดผลทุกวันนะครับ